หลักการเลือกเครื่องชงกาแฟ

18050 จำนวนผู้เข้าชม  | 

หลักการเลือกเครื่องชงกาแฟ

หลักการเลือกเครื่องชงกาแฟ

     การลงทุนเปิดร้านกาแฟนั้นคนส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญของเมล็ดกาแฟที่นำมาชงเป็นพิเศษแต่กลับให้ความสำคัญในการเลือกเครื่องชงกาแฟไม่มากนักเพราะคิดว่าเครื่องชงกาแฟชงกาแฟออกมามีรสชาติไม่ต่างกันมาก แต่จริงแล้วการจะชงกาแฟออกมาให้มีคุณภาพดีนั้นจะต้องมีองค์ประกอบหรือปัจจัย 4 M ถ้าขาดส่วนใดส่วนหนึ่งแล้วนั้น จะเป็นการยากที่จะสามารถชงกาแฟออกมาให้ได้รสชาติที่ดีสมบูรณ์ได้  


1.   M  (Man)  คนชงกาแฟ (บาริสต้า)
คนชงกาแฟเป็นหัวใจของการทำงานทั้งระบบความรู้ประสบการณ์ การฝึกฝนจะทำให้คนชงกาแฟนั้นสามารถเข้า ทุกกระบวนการและทำงานได้อย่างสอดคล้อง จนได้ความสมบูรณ์แบบของกาแฟ  วัตถุดิบนั้นเป็นรองคนชงกาแฟแน่นอนเพราะหากมีกาแฟดีแต่คนชงกาแฟชงไม่เป็น ไม่เข้าใจกระบวน ชงกาแฟที่สมบูรณ์แล้วนั้นยากที่จะทำให้ได้กาแฟที่ดี

   แบบทดสอบง่ายว่าคุณมีพื้้นฐานการชงกาแฟระดับไหน
     -  คุณรู้จัก Perfect Espresso ไหม
     -  คุณรู้จักกระบวนการ Back Fush ไหม
     -  คุณเข้าใจเรื่อง Ratio ของกาแฟเอสเพรสโซ่ไหม
     -  สตีมฟองนมสำหรับคาปูชิโน่ ต้องอยู่ที่ประมาณกี่องศา

หากยังไม่ทราบ แสดงว่าคุณยังศึกษามาไม่เพียงพอ

2. M (Metrod)  กระบวนการที่ทำ
กระบวนการทำนั้นเป็นปัจจัยที่สอง โดยบาริสต้าที่ดี ย่อมมีการชงกาแฟอย่างมีหลักการและมีกระบวนการที่ถูกต้อง ความแม่นยำเพื่อให้ได้คุณภาพและรสชาติที่เท่ากันทุกถ้วยที่ชง รวมถึงเข้าใจในวัตถุดิบเมล็ดกาแฟที่นำมาเลือกใช้อย่างถ่องแท้



3. M (Material)  วัตถุดิบ
หากปราศจากกาแฟที่มีคุณภาพแล้วนั้นก็ยากที่จะชงกาแฟออกมาได้มีคุณภาพ , คำว่าอร่อยหรือหอม นั้นเป็นคำพูดที่กว้างมากเพราะรสนิยมของคน นั้นแตกต่างกันออกไปตาม  แต่กาแฟที่มีคุณภาพนั้นเราเลือกได้ โดยบาริสต้าที่ดีจะรู้ไม่ใช่แค่คุณภาพกาแฟที่ดี แต่ต้องรู้ถึงกระบวนการเก็บกาแฟให้ดียาวนานด้วย


4. M (Machine)  เครื่องชง, เครื่องบด
โดยสังเกตุว่าเครื่องนั้นเป็นปัจจัยท้ายสุด และสำคัญน้อยที่สุด โดยจากประสบการณ์พูดเขียนนั้น เครื่องบดสำคัญกว่าเครื่องชงกาแฟมาก เครื่องบดดีๆ สามารถทำให้เราได้คุณภาพน้ำกาแฟที่ดีได้ง่าย กว่าเครื่องชงกาแฟดีๆ




การเลือกเครื่องชงกาแฟ
        โดยบทความนี้จะให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเลือกเครื่องชงกาแฟโดยเน้นลูกค้าที่ต้องการใช้เครื่องสำหรับลงทุนเปิดร้านกาแฟ รวมถึงคนที่มีความใส่ใจในคุณภาพของน้ำกาแฟที่ต้องการทานกาแฟเป็นหลัก เพราะการเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟรับประทานเองที่บ้านทั่วๆไปนั้น คุณภาพของเครื่องชงกาแฟในตลาดส่วนใหญ่ถือว่าดีในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนการที่จะเลือกเครื่องชงกาแฟสำหรับงาน Commercial หรือ ระดับการค้า นั้นจะต้องมีความเข้าใจในหลักของเครื่องที่ใช้ เพราะว่าท่านเองคงไม่อยากลงทุนเครื่องชงกาแฟแสนกว่าบาทไปแล้วแต่ใช้เครื่องชงกาแฟไม่ถึงครึ่งหนึ่งของประสิทธิภาพที่ซื้อมา หรือลงทุนเครื่องชงกาแฟไปแล้วได้คุณภาพน้ำกาแฟออกมาไม่ได้ตามที่ต้องการ
 
สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเปิดร้านกาแฟแล้วนั้น คำถามในใจของคนส่วนใหญ่แล้วคือ ช่วยแนะนำเครื่องชงกาแฟที่ดีที่สุดให้หน่อย แนะนำเครื่องชงกาแฟที่อร่อยๆ แต่จริงๆแล้วเราควรเครื่องชงกาแฟที่เหมาะสมกับธุรกิจของเรามากที่สุดมากกว่า
 

 
การเลือกเครื่องชงกาแฟให้มีปัญหากวนใจน้อยที่สุด
ดีลเลอร์ (ตัวแทนจำหน่าย)
ควรเลือกซื้อสินค้าจากผู้ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ มีหน้าร้าน และมีการดำเนินธุรกิจมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อความมั่นใจในตัวสินค้าและบริการหลังการขายอื่นๆ
• มีช่างซ่อม
• มีอะไหล่ซ่อม
• มีการสำรองเครื่อง
 
การรับประกันสินค้าที่เป็นธรรม
เครื่องชงกาแฟแต่ละชนิดหรือยี่ห้อ ผู้นำเข้านั้นมีการรับประกันสินค้าแตกต่างกันออกไป โดยเครื่องชงกาแฟขนาดเล็กๆส่วนใหญ่จะไม่มีบริการช่างนอกสถานที่อันเกิดจากเครื่องชงมิได้ออกแบบมาเพื่อรองรับการลงทุนธุรกิจโดยตรง ส่วนเครื่องขนาดใหญ่นั้นจะมีบริการซ่อมนอกสถานที่ซึ่งถือเป็นมาตรฐานทั่วไป ดังนั้นอยู่ที่ลูกค้าว่าจะตัดสินใจเลือกเครื่องชงกาแฟประเภทไหน
 
ยี่ห้อ (แบรนด์) ดังได้เปรียบ
หากเป็นยี่ห้อที่มีชื่อเสียงในตลาดแล้วนั้นย่อมการันตีถึงคุณภาพที่ได้จากตัวเครื่องชงกาแฟนั้นๆ อย่างไรก็ตามเครื่องชงกาแฟที่มีชื่อเสียงนั้นย่อมมีราคาที่สูงไปด้วย  โดยราคาเครื่องยิ่งสูงมักเลือกใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่ดีและทนทาน  จากประสบการณ์แล้วนั้นเครื่องชงกาแฟที่ราคาไม่สูงมากจะมาพร้อมกับวัสดุที่มีคุณภาพต่ำซึ่งทำให้รองรับการทำงานไม่สูงมาก  ดังนั้นหากผู้ลงทุนมีงบที่สูงแล้วควรเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟที่มีวัสดุที่ดีทนทาน
 
เครื่องขนาดใหญ่ทนทานกว่าเสมอ
เครื่องชงกาแฟในกลุ่ม Commercial นั้นออกแบบมาสำหรับใช้งานในรูปแบบการค้าโดยตรง ดังนั้นแล้วเครื่องกลุ่มนี้แม้ใช้งานหนักเพียงใดปัญหากวนใจจะน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องชงกาแฟขนาดเล็กๆ
 
ผลิตในยุโรปดีกว่าจีน
แน่นอนว่าเครื่องชงกาแฟคุณภาพนั้นส่วนใหญ่จะเป็นงานประกอบมือ ซึ่งมีแหล่งผลิตมาจาก อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส ฮอลแลนด์ เยอรมัน โดยผู้ผลิตเหล่านี้ล้วนมีมาตรฐานในการผลิตที่สูง   อย่างไรเมื่อถึงคราวที่เครื่องชงกาแฟมียอดจำหน่ายสูงขึ้นแต่มีกำลังผลิตไม่เพียงพอแน่นอนว่าผู้ผลิตย่อมหาแหล่งผลิตที่ถูกและผลิตได้มากขึ้น ประเทศจีนจึงเริ่มเข้ามามีบทบาทในการผลิตเครื่องชงกาแฟบางรุ่นในตลาดบ้านเรา ดังนั้นการมองหาเครื่องชงกาแฟที่ยังคงผลิตในโซนยุโรปจึงเป็นสิ่งที่แนะนำอยู่
 

เลือกเครื่องชงกาแฟให้มีรสชาติดี

ขนาดหม้อต้ม
หม้อต้มที่มีขนาดใหญ่จะมีความเป็นไปได้ในการชงกาแฟต่อเนื่องได้ดีกว่าเครื่องชงที่หม้อต้มเล็ก  เพราะทุกครั้งที่ชงกาแฟจะมีการนำเอาน้ำออกมาสกัดกาแฟ และน้ำเย็นจะถูกดูดเข้าไปต้ม ปนกับน้ำร้อนเดิม หากหม้อต้มที่เล็กอุณหภูมิจะตกลงเร็วมากกว่าหม้อต้มขนาดใหญ่ 

หม้อต้มใหญ่ชงกาแฟได้เข้มรสชาตินิ่งกว่า เครื่องชงกาแฟที่หม้อต้มขนาดเล็กที่อาจสกัดกาแฟได้ผิดเพี้ยนอันเนื่องจากน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิไม่คงที่
 
ขนาดด้ามชง
ก้านชงกาแฟขนาดตั้งแต่เส้นผ่าศูนย์กลาง 57 มม.ขึ้นไปจะชงกาแฟออกมาได้ดีกว่า ก้านชงกาแฟขนาดต่ำกว่า เพราะมีพื้นที่ในการสัมผัสน้ำจากตัว Shower (หัวจ่ายน้ำ) มากที่สุด  มาตรฐานที่ทั่วโลกใช้คือ  ด้ามชงกาแฟ ที่มีเส้นผ่า ศก 58 มม. (ขนาดความกว้างของตัวตระแกรงใส่กาแฟ)

ด้ามชงกาแฟขนาด 58 มม. เป็นด้ามชงที่สามารถหาอะไหล่ ง่าย อุปกรณ์บาริสต้าส่วนใหญ่ออกแบบมาให้รองรับการทำงานของด้ามชงขนาดนี้เป็นหลัก
 
ระบบปั้มน้ำ
ปั้มน้ำระบบโรตาลี่เป็นปั้มน้ำที่มีแรงดันนิ่งและเป็นมาตรฐานกว่า ปั้มแบบระบบ Vibration ที่พบง่ายในเครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามราคาปั้มชนิดนี้จะมาในเครื่องชงกาแฟที่ราคาประมาณ 7 หมื่นบาทขึ้นไป

ขนาดเครื่องชงกาแฟ
ปัจจุบันคนทานกาแฟให้ความสำคัญต่อเครื่องชงกาแฟเหมือนกัน โดยพวกเขาจะคิดว่าเครื่องชงกาแฟที่มีขนาดใหญ่จะมีรสชาติกาแฟที่ดีกว่าเครื่องชงกาแฟขนาดเล็กๆ

**แน่นอนแล้วว่าถ้าคุณใส่ใจในคุณภาพของน้ำกาแฟแล้วควรเลือกเครื่องบดกาแฟที่มีคุณภาพดี ด้วยเพื่อที่จะทำให้สามารถชงกาแฟออกมาได้มีคุณภาพดีสมบูรณ์แบบ
 



เลือกเครื่องชงกาแฟอย่างไรให้คุ้มค่าต่อการลงทุน


ราคากาแฟที่เราจะขาย
แน่นอนว่าหากเราวางแผนในการตั้งราคากาแฟในช่วงราคา 30-80 บาท นั้นเราอาจจะไม่ต้องลงทุนเครื่องชงกาแฟที่สูงมากนัก เพราะว่า ระยะเวลาในการคืนทุนจะยาวนานตามไปด้วย
 
ราคาเครื่องชงกาแฟ
เครื่องชงกาแฟที่เหมาะสำหรับการลงทุนในตลาดกาแฟสดบ้านเรา จะอยู่ประมาณ 25,000-100,000 สำหรับเครื่อง 1 หัว  และ 90,000-150,000 บาท สำหรับเครื่องชงกาแฟ 2 หัว ในบางครั้งการลงทุนครั้งเดียวกับเครื่องชงกาแฟดีๆและสามารถรองรับยอดขายที่สูง นั้นจะช่วยให้ประหยัดเงินลงทุนไปได้มากทีเดียว
 
 
บทสรุปการเลือกเครื่องชงกาแฟ

เราเองไม่อาจเลือกเครื่องชงกาแฟให้กับลูกค้าได้ แต่ลูกค้าเองจะเป็นคนที่รู้ดีว่าต้องการอะไร เครื่องชงกาแฟที่ชงอร่อยที่สุดนั้นไม่มีหรอกครับเพราะอร่อยของแต่ละคนก็ยังไม่เหมือนกัน แต่ถ้าถามว่าเครื่องชงกาแฟรุ่นไหนชงกาแฟออกมามีมาตรฐานอันนี้จะตอบได้ง่ายกว่า ส่วนการใช้งานจะง่ายหรือยาก นั้นอยู่ที่คนใช้เครื่อง และสุดท้ายแล้วความทนทานของเครื่องชงกาแฟนั้น ก็อยู่ที่คนใช้งานเช่นกันที่จะหมั่นดูแลรักษาเครื่องให้ใช้ได้นานไร้ปัญหากวนใจ

เอ็นแอลคอฟฟี่ เรานำเข้าเครื่องชงกาแฟมาตั้งแต่ ปี 2002 โดยเครื่องชงกาแฟของเรายังคงมีการดูแลหลังการขายที่ดีเยี่ยม มีอะไหล่รองรับลูกค้าของเราเสมอมา  มีทีมช่างทั้งประจำสาขา และพร้อมให้บริการนอกสถานที่

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้